โดนชนแล้วหนี อยากเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร ทำได้ไหม?

24 เมษายน 2568

 

อยากเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร ทำได้ไหม

อยากเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร ทำได้ไหม

หากเกิดเหตุการณ์ถูกชนแล้วหนี หรือต้องการตรวจสอบความถูกต้องก่อนซื้อรถมือสอง การเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครอาจเป็นสิ่งจำเป็น แต่หากไม่มีกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ แต่จดจำทะเบียนรถคู่กรณีได้ เราจะทำอย่างไรดี? วันนี้ gurumalist จะมาแนะนำวิธีการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมขั้นตอนที่คุณควรทราบ

อยากเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร ทำได้ไหม

การเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครนั้น สามารถทำได้โดยการยื่นเรื่องขอตรวจสอบผ่านกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครได้ด้วยตนเองผ่านช่องทางออนไลน์หรือแอปพลิเคชันใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

เช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครกรณีไหนได้บ้าง

การขอเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครสามารถทำได้ในหลายกรณี แต่ต้องมีเหตุผลอันสมควรและต้องดำเนินการผ่านกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น โดยกรณีที่สามารถขอตรวจสอบได้มีดังนี้

กรณีโดนชนแล้วหนี

หากคุณตกเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์ถูกชนแล้วหนี และสามารถจดจำหมายเลขทะเบียนรถคู่กรณีได้ คุณสามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อขอบันทึกประจำวัน จากนั้นนำบันทึกประจำวันพร้อมเอกสารอื่นๆ ไปยื่นขอเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครที่กรมการขนส่งทางบกได้

กรณีทะเบียนรถหาย

หากทะเบียนรถของคุณสูญหาย คุณต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อขอบันทึกประจำวัน จากนั้นนำบันทึกประจำวันไปยื่นขอตรวจสอบข้อมูลและทำทะเบียนใหม่ที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครและตรวจสอบความถูกต้อง

ตรวจสอบทะเบียนที่ถูกอายัด

กรณีที่ทะเบียนรถถูกอายัดไว้จากการทำผิดกฎหมายหรือมีคดีความ เจ้าของรถสามารถขอตรวจสอบสถานะทะเบียนรถของตนเองได้ที่กรมการขนส่งทางบก เพื่อทราบสาเหตุและแนวทางแก้ไข ซึ่งจะมีการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครเพื่อยืนยันตัวตนก่อนให้ข้อมูล

ตรวจสอบทะเบียนก่อนซื้อรถมือสอง

ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง คุณควรเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครและตรวจสอบประวัติรถคันนั้นๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีดูรถมือสองเพื่อป้องกันการถูกหลอกขายรถที่มีปัญหาทางกฎหมาย หรือรถที่ถูกโจรกรรมมา โดยสามารถยื่นคำขอตรวจสอบที่กรมการขนส่งทางบกได้

เช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครกับกรมขนส่งทางบก

เช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครกับกรมขนส่งทางบก ทำอย่างไร

การขอเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครกับกรมการขนส่งทางบกนั้น ต้องมีเหตุผลอันสมควรและต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน โดยการขอตรวจสอบนี้มีทั้งค่าธรรมเนียมและขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังนี้

เอกสารที่ต้องใช้

  • บัตรประชาชนฉบับจริงและสำเนา ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องให้ครบถ้วน
  • หนังสือรับรองนิติบุคคลตัวจริงและสำเนา ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องจากผู้มีอำนาจให้ครบถ้วน
  • บันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคดีความ โดยต้องระบุหมายเลขทะเบียนที่ต้องการตรวจสอบอย่างชัดเจน
  • หนังสือนำส่งเรื่องของหน่วยงานของรัฐขอตรวจดูหรือขอสำเนาเอกสาร (ฉบับจริง) กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นผู้ขอตรวจดูหรือขอสำเนาเอกสาร
  • สำเนาหนังสือแต่งตั้งเป็นตัวแทนบริษัทประกันภัย พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาให้ครบถ้วน กรณีบริษัทประกันภัยเป็นผู้ขอตรวจดูหรือขอสำเนาเอกสาร
  • สำเนาใบอนุญาตทนายความ หรือสำเนาใบแต่งทนาย กรณีทนายความเป็นผู้ขอตรวจดูหรือขอสำเนาเอกสาร

ค่าธรรมเนียมในการขอเช็คทะเบียนรถ

  • ค่าคำขอ 5 บาทต่อฉบับ
  • ค่ารับรองสำเนา 20 บาทต่อแผ่น
  • ค่าขอค้นเอกสารรถยนต์ 50 บาทต่อครั้ง
  • ค่าขอค้นเอกสารรถมอเตอร์ไซค์ 10 บาทต่อครั้ง

ขั้นตอนการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร

  • ยื่นคำร้องขอตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรถที่ฝ่ายทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก
  • แนบเอกสารประกอบคำร้องให้ครบถ้วนตามที่ระบุไว้
  • ชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนด
  • รอรับผลการตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 ชั่วโมง
  • รับผลการตรวจสอบและเอกสารที่ได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่

ช่องทางการติดต่อเพื่อเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร

การเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครนั้น คุณสามารถติดต่อผ่านหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกได้หลายช่องทาง ทั้งการไปติดต่อด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่ง หรือโทรสอบถามข้อมูลเบื้องต้นผ่านสายด่วนต่างๆ ได้ดังนี้

  • กรมการขนส่งทางบก สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 5 (จตุจักร) โทรศัพท์ 0-2271-8888
  • สายด่วนศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน โทรศัพท์ 1584
  • สายด่วนศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ 1111
  • สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย 1567

สรุปการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร

สรุปบทความ

การเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการผ่านกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น โดยต้องมีเหตุผลอันสมควรและเอกสารครบถ้วน ทั้งนี้ ประชาชนควรตระหนักว่าการพยายามเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใครด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 ซึ่งระบุว่าผู้ใดเผยแพร่ชุดคำสั่งที่ใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาถึงตรงนี้ใครที่กำลังมองหารถมือสองประวัติดี ไม่มีชนหนัก gurumalist ผู้ให้บริการเว็บขายรถมือสองคุณภาพดี ที่มีการตรวจสอบประวัติรถอย่างละเอียด มั่นใจได้ว่ารถมีประวัติดี สภาพดี ไม่มีปัญหาทางกฎหมายใดๆ ขับได้ทุกวันอย่างสบายใจ เข้ามาเลือกชมรถที่ถูกใจหรือแอดไลน์ @gurumalist ได้เลยวันนี้