ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง แนะ 12 วิธีเช็กจุดสำคัญแบบมืออาชีพ

05 สิงหาคม 2567

ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง แนะ 12 วิธีเช็ก

ก่อนซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง เป็นคำที่มือใหม่หลายคนสงสัยอยู่เสมอ เพราะการซื้อรถยนต์มือสองนั้นต้องเข้าใจก่อนว่า ทุกส่วนประกอบล้วนผ่านการใช้งานมาแล้วไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ทำให้การซื้อรถยนต์มือสองไม่ได้จบเพียงแค่เลือกรถ แต่ยังต้องรู้จักวิธีดูรถมือสองให้ดีอีกด้วย วันนี้ Gurumalist จะมาแนะนำกับวิธีการดูรถมือสอง เพื่อให้ได้รถที่มีคุณภาพดีและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

 

ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง

การตรวจเช็กรถมือสอง จำเป็นจะต้องตรวจเช็กทั้งหมด 12 จุดสำคัญ ซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง โดยทั้งทุกจุดมีรายละเอียดที่แนะนำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญดังนี้

1. ดูเอกสารให้ครบโดยเฉพาะสมุดจดทะเบียนรถ

การตรวจสอบเอกสารเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ของการซื้อรถมือสอง โดยเฉพาะสมุดจดทะเบียนรถ จะควรตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ให้ถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น

  • ชื่อเจ้าของรถ ต้องตรงกับผู้ขายหรือมีเอกสารการโอนที่ถูกต้อง
  • รายละเอียดการต่อภาษี ตรวจสอบว่าภาษีรถยนต์ได้รับการต่ออย่างต่อเนื่องหรือไม่
  • ประวัติการโอน ดูจำนวนครั้งที่รถถูกโอนเปลี่ยนมือ
  • ข้อมูลรถยนต์ ตรวจสอบยี่ห้อ รุ่น ปีผลิต และสีรถให้ตรงกับตัวรถจริง

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบเอกสารอื่นๆ เช่น พ.ร.บ. คู่มือการใช้รถ และประวัติการซ่อมบำรุง (ถ้ามี) เพื่อให้มั่นใจว่ารถคันนี้มีประวัติที่ชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย

2. เลขตัวถังต้องชัดเจนและตรงกับในสมุดจดทะเบียนรถ

เลขตัวถังเป็นเลขประจำตัวของรถยนต์ที่จะต้องรู้ไว้อย่างชัดเจน โดยเลขตัวถังจะต้องมีความคมชัด ไม่มีรอยขูดขีดหรือแก้ไข ตำแหน่งของเลขต้องอยู่ในห้องเครื่องหรือใต้เบาะนั่งคนขับ ที่สำคัญต้องตรงกับสมุดจดทะเบียนรถ หากพบความผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับเลขตัวถัง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ารถอาจมีปัญหาด้านกฎหมายหรือเคยผ่านอุบัติเหตุรุนแรง กรณีนี้ต้องระวังให้ดี

3. ดูตัวถังโดยรวมอย่างถี่ถ้วน

การตรวจสอบตัวถังรถเป็นอีกหนึ่งวิธีดูรถมือสองที่สำคัญ ซึ่งวิธีนี้สามารถเช็กเองได้ด้วยสายตาตัวเอง โดยมีจุดที่ควรสังเกตดังนี้

  • รูปทรง ดูความสมมาตรของตัวถัง สังเกตว่ามีส่วนใดผิดรูปหรือไม่
  • รอยขีดข่วน ตรวจหารอยขีดข่วนหรือรอยบุบ โดยเฉพาะบริเวณที่มักเกิดการกระแทก เช่น กันชน
  • ร่องรอยการเฉี่ยวชน สังเกตรอยต่อของชิ้นส่วนต่าง ๆ ว่ามีรอยบุบหรือยุบตรงไหนบ้าง
  • คุณภาพของสี ดูความเงางามและความสม่ำเสมอของสีรถ จุดที่ผิดสังเกต เช่น สีนูน สีลอก ชั้นเคลือบสีมีรอยแตก แบบนี้ผิดปกติแน่นอน

การตรวจสอบตัวถังควรทำในที่มีแสงสว่างเพียงพอ และอาจใช้แม่เหล็กช่วยตรวจสอบว่ามีการโป๊วสีหรือไม่ แม่เหล็กหากดูดไม่ค่อยติดให้สันนิษฐานว่ามีการโป๊วสีหนาพอสมควร

 

4. เช็กตะเข็บตามรอยต่อของตัวรถ

ถัดมาจะต้องดูตะเข็บและรอยต่อของตัวรถ ถือเป็นวิธีการดูรถมือสองที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น เพราะสามารถบ่งบอกถึงประวัติการซ่อมแซมหรือการเกิดอุบัติเหตุของรถได้ โดยจุดสำคัญที่ต้องดูมีดังนี้

  • คานหน้า
    • ตรวจดูรอยเชื่อมหรือรอยต่อที่ผิดปกติ
    • สังเกตความเรียบร้อยของสีและความสมมาตรของโครงสร้าง
  • แก้มข้าง
    • ดูความต่อเนื่องของเส้นสายตัวถัง
    • ตรวจหารอยย่นหรือรอยบุบที่อาจเกิดจากการกระแทก
  • ประตูและขอบประตู
    • ตรวจสอบช่องว่างระหว่างประตูกับตัวถัง ควรมีความสม่ำเสมอ
    • ดูการปิดเปิดของประตู ต้องไม่มีเสียงดังผิดปกติหรือฝืด
  • รอยต่อตัวยึดประตู
    • ตรวจดูบานพับประตูว่ามีร่องรอยการถอดเปลี่ยนหรือไม่
    • สังเกตสีบริเวณบานพับว่ามีความแตกต่างจากสีตัวถังหรือไม่
  • ตะเข็บหลัง
    • ตรวจสอบความเรียบร้อยของรอยต่อระหว่างหลังคากับตัวถังด้านหลัง
    • ดูความสมมาตรของช่องท้ายรถและฝากระโปรงท้าย

ในการตรวจสอบแต่ละจุด ให้สังเกตความสม่ำเสมอของสี ความเรียบร้อยของรอยต่อ และความสมมาตรของโครงสร้าง หากพบความผิดปกติ เช่น รอยเชื่อมที่ไม่เรียบร้อย สีที่ไม่กลมกลืน หรือช่องว่างที่ไม่สม่ำเสมอ อาจเป็นสัญญาณว่ารถเคยผ่านการซ่อมแซมมาก่อน

สำหรับการตรวจสอบตะเข็บและรอยต่อเหล่านี้ต้องอาศัยความละเอียดและประสบการณ์ หากไม่มั่นใจ ควรมีช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่ารถมือสองที่กำลังสนใจไม่เคยผ่านอุบัติเหตุรุนแรงหรือการซ่อมแซมที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

5. ดูตัวนอตทุกจุด

การตรวจสอบตัวนอตเป็นอีกหนึ่งวิธีดูรถมือสองต้องดูต่อเนื่องจากการดูตะเข็บ เพราะสามารถบ่งบอกถึงประวัติการซ่อมแซมหรือการถอดประกอบชิ้นส่วนของรถได้ อาจพบความผิดปกติได้ไม่ว่าจะเป็น นอตหายไป มีร่องรอยการขันบ่อยๆ หรือนอตต่างขนาดกัน อาจเป็นสัญญาณว่ารถเคยผ่านการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งานของรถ

 

6. การทำงานของเครื่องยนต์ และระบบเกียร์

เครื่องยนต์และระบบเกียร์เป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ จึงจำเป็นต้องเช็กดูการใช้งานเบื้องต้น เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการใช้งาน ซึ่งส่งผลต่อการบำรุงรักษารถในอนาคต แต่การตรวจเช็กอาจจะต้องอาศัยความรู้เฉพาะทาง หากไม่มั่นใจให้ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อความชัวร์ โดยสิ่งที่ต้องสังเกตมีดังนี้

  • การตรวจสอบเครื่องยนต์
    • สตาร์ตเครื่อง ต้องไม่มีเสียงผิดปกติ และสตาร์ตครั้งเดียวติดเลย 
    • การเดินเครื่อง เครื่องยนต์ควรเดินเรียบ ไม่สั่น ไม่มีเสียงดังผิดปกติ
    • ควันไอเสีย สังเกตสีและปริมาณควันไอเสีย ต้องไม่มีควันดำหรือควันขาวมากเกินไป
    • การเร่งเครื่อง ทดสอบเร่งเครื่องเบาๆ เครื่องยนต์ควรตอบสนองดี ไม่สะดุด
  • การตรวจสอบระบบเกียร์
    • การเข้าเกียร์ ทดสอบเข้าเกียร์ทุกตำแหน่ง ต้องไม่ฝืดหรือมีเสียงดังผิดปกติ
    • การเปลี่ยนเกียร์ ทดสอบเปลี่ยนเกียร์ขณะขับ ต้องนุ่มนวลไม่กระตุก
    • เกียร์ว่าง ทดสอบปล่อยคลัตช์ในเกียร์ว่าง รถต้องไม่คลานไปข้างหน้าหรือข้างหลัง

เช็กของเหลวที่สำคัญทั้งหมด

7. เช็กของเหลวที่สำคัญทั้งหมด

ของเหลวที่สำคัญต่อระบบขับเคลื่อนอย่าง น้ำมันเครื่อง น้ำยา Coolant น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ สิ่งเหล่านี้ก็ต้องผ่านการเช็กด้วยเช่นกัน เพราะสามารถบ่งบอกถึงสภาพการใช้งานและการบำรุงรักษารถได้ โดยของเหลวแต่ละตัวสามารถเช็กเบื้องต้นได้ดังนี้


 

  • น้ำมันเครื่อง
    • ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง ต้องอยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX
    • สังเกตสีและความใสของน้ำมัน หากมีสีดำคล้ำหรือขุ่นมาก อาจแสดงถึงการใช้งานมานาน
  • น้ำยาหล่อเย็น (Coolant)
    • ตรวจระดับน้ำยาในถังพัก ต้องอยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX
    • สังเกตสีของน้ำยา ต้องไม่เป็นสีน้ำตาลหรือมีตะกอน
  • น้ำมันเกียร์
    • ตรวจระดับน้ำมันเกียร์ ต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
    • สังเกตสีและกลิ่น หากมีกลิ่นไหม้หรือสีดำคล้ำ อาจมีปัญหา
  • น้ำมันเบรก
    • ตรวจระดับน้ำมันเบรกในกระปุกพัก ต้องอยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX
    • สังเกตสี ต้องไม่เป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
  • น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (สำหรับรถที่ไม่ใช่ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า)
    • ตรวจระดับน้ำมัน ต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
    • สังเกตสีและความใส ต้องไม่มีฟองหรือตะกอน

 

8. เลขไมล์บนหน้าปัด

การตรวจสอบเลขไมล์เป็นวิธีดูรถมือสองที่สำคัญมาก เพราะบ่งบอกถึงระยะทางการใช้งานของรถ ส่งผลต่อสภาพโดยรวมและราคาของรถ ควรตรวจสอบเลขไมล์ว่าสอดคล้องกับอายุและสภาพของรถหรือไม่ นอกจากนี้ต้องสังเกตสภาพของหน้าปัดด้วยว่ามีร่องรอยการแกะหรือซ่อมแซมหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาการกรอไมล์ ซึ่งเป็นการปรับแต่งเลขไมล์ให้แสดงระยะทางน้อยกว่าความเป็นจริง การทำแบบนี้ผิดถือว่ากฎหมาย หากสงสัยว่ามีการกรอไมล์ ควรตรวจสอบกับศูนย์บริการของยี่ห้อรถนั้นๆ เพื่อเช็กประวัติการเข้าศูนย์และระยะทางที่แท้จริง

 

9. การทำงานของระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะแอร์และอุปกรณ์ทั้งหมด

อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถมีหลายสิ่งที่จำเป็นต้องดู เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ ซึ่งจะต้องทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้นในรถ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างปกติ โดยส่วนหลัก ๆ ที่ควรตรวจเช็กดังนี้

  • แอร์ ทดสอบการทำงาน ต้องเย็นเร็วและสม่ำเสมอ
  • เครื่องเสียง ทดสอบวิทยุ CD หรือระบบมัลติมีเดีย
  • กระจกไฟฟ้า ทดสอบการขึ้น-ลงของกระจกทุกบาน
  • ระบบเซ็นทรัลล็อก ทดสอบการล็อกและปลดล็อกทุกประตู

ไฟภายในห้องโดยสาร ตรวจสอบการทำงานของไฟทุกดวง

 

10. ระบบไฟส่องสว่างทุกดวง

ระบบไฟส่องสว่างเป็นส่วนสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่ และยังเป็นข้อบังคับตามกฎหมายของประเทศไทยอีกด้วย จึงต้องไล่เช็กทุกดวงไม่ว่าจะเป็น 

  • ไฟคู่หน้า ทั้งไฟสูงและไฟต่ำ ต้องสว่างพอและอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
  • ไฟเลี้ยว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต้องกะพริบเป็นจังหวะ
  • ไฟท้าย ต้องสว่างชัดเจน
  • ไฟเบรก ต้องสว่างขึ้นเมื่อเหยียบเบรก
  • ไฟถอยหลัง ต้องสว่างเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง

ไฟส่องป้ายทะเบียน ต้องสว่างชัดเจน

 

11. ทดสอบการทำงานของระบบช่วงล่าง

ระบบช่วงล่างเป็นจุดสำคัญที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนของตัวลดที่มาจากพื้นผิวถนน โดยสิ่งที่ต้องสังเกตเมื่อได้ทดสอบ เช่น ความนุ่มนวล เมื่อผ่านถนนที่มีผิวขรุขระเล็กน้อย ระบบช่วงล่างต้องไม่แข็งกระด้างหรืออ่อนยวบจนเกินไป ต้องไม่มีเสียงดังกุกกัก หรือเสียงโลหะกระทบกัน สังเกตการทรงตัวของรถขณะเลี้ยวหรือเบรกกะทันหัน รถต้องไม่เอียงหรือโยนตัวมากเกินไป หากพบความผิดปกติใด ๆ ในระบบช่วงล่าง ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ

 

12. ทดลองขับจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

แม้ว่าจะมีการตรวจเช็กจุดต่าง ๆ มาแล้วอย่างถี่ถ้วน แต่สิ่งสุดท้ายที่จำเป็นต้องทำก่อนตัดสินใจคือ ต้องได้ทดลองขับจริง เพื่อให้ประเมินภาพรวมการทำงานของรถเต็มประสิทธิภาพอย่างควรจะเป็นหรือไม่ เพราะจะช่วยให้คุณประเมินสภาพโดยรวมของรถได้ดีที่สุด ควรทดลองขับในสภาพการจราจรจริงและเส้นทางที่หลากหลาย แนะนำว่าควรได้ลองขับอย่างน้อย 30 นาที และทั้งในเมืองและนอกเมืองถ้าเป็นไปได้

 

 สรุปเกี่ยวกับซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง

สรุปเกี่ยวกับซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง

การซื้อรถมือสองต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้รถที่มีคุณภาพดีและคุ้มค่า วิธีซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้างทั้ง 12 ข้อนั้นครอบคลุมทั้งด้านเอกสาร สภาพภายนอก เครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า และการทดลองขับ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ถ้าหากอยากซื้อรถมือสองแบบมั่นใจไม่ต้องลุ้น gurumalist  เว็บซื้อรถมือสอง มีตัวเลือกให้แบบครบจบทุกความต้องการ ทั้งรถเก๋ง 4 ประตู รถกระบะ รถ SUV และรถตู้ รับประกันทุกคันผ่านการตรวจเช็กมาตามมาตรฐานศูนย์ฯ เข้ามาค้นหารถยนต์มือสองกับ gurumalist ทางเว็บไซต์ได้เลย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แอดไลน์ gurumalist ได้เลย