การเสียภาษีรถยนต์เป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าของรถทุกคนต้องดำเนินการเพื่อให้การใช้รถเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความ gurumalist จะมาแนะนำวิธีต่อภาษีรถยนต์อย่างละเอียด ตั้งแต่เอกสารที่ต้องเตรียม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงช่องทางการต่อภาษีที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการได้อย่างมั่นใจและไม่พลาดกำหนดการสำคัญ
รถยนต์ประเภทไหนบ้างที่ต้องต่อภาษี
รถยนต์ทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต้องต่อภาษีประจำปี ดังนี้
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถเก๋ง รถกระบะ 4 ประตู
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถกระบะ 2 ประตู รถตู้
- รถจักรยานยนต์ ทั้งรถส่วนบุคคลและรถสาธารณะ
- รถยนต์สาธารณะ รถแท็กซี่ รถตู้โดยสาร
- รถบรรทุก รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และรถพ่วง
ต่อภาษีรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง
เอกสารที่ต้องเตรียมในการต่อภาษีรถยนต์ มีดังนี้
- เล่มทะเบียนรถ (ตัวจริง)
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (ตรอ.1) สำหรับรถอายุเกิน 7 ปี
- หลักฐานการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
- ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีรถยนต์ครั้งล่าสุด (ถ้ามี)
ค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีรถยนต์
การต่อภาษีรถยนต์มีค่าใช้จ่ายหลักๆ แบ่งเป็นสองส่วน คือ ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ซึ่งจำนวนเงินจะแตกต่างกันไปตามประเภทและอายุของรถ
1. ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี
ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีคำนวณจากขนาดเครื่องยนต์และอายุการใช้งานของรถ โดยทั่วไปรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งจะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าตามความจุกระบอกสูบ ส่วนรถกระบะและรถตู้จะเสียภาษีในอัตราคงที่ตามน้ำหนักรถ
2. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ
นอกจากค่าภาษีรถยนต์แล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ต้องชำระ ได้แก่
- ค่าธรรมเนียมการต่อทะเบียน 100 บาท
- ค่าธรรมเนียมการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายวงกลม) 5 บาท
- ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถอายุเกิน 7 ปี)
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 100 บาท
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 200 บาท
- รถบรรทุกส่วนบุคคล: 200 บาท
- ค่าปรับกรณีต่อภาษีล่าช้า คิดเดือนละ 1% ของค่าภาษี แต่รวมแล้วไม่เกิน 30% ของค่าภาษี
ต่อภาษีรถยนต์ได้ที่ไหน
ปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เจ้าของรถสามารถต่อภาษีรถยนต์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทั้งวิธีต่อภาษีรถยนต์ด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่ง หรือการใช้บริการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
วิธีต่อภาษีรถยนต์ที่สำนักงานกรมขนส่งทางบก
การต่อภาษีรถยนต์ที่สำนักงานกรมขนส่งทางบกเป็นวิธีดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคย สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงหากมีข้อสงสัย แต่อาจต้องใช้เวลารอคิวนาน
ขั้นตอนการต่อภาษีที่สำนักงานกรมขนส่งทางบก
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
- รับบัตรคิวและกรอกแบบฟอร์ม
- ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
- ชำระค่าภาษีและค่าธรรมเนียม
- รับใบเสร็จและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี
วิธีต่อภาษีรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ e-Service DLT
การต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-Service DLT เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปสำนักงานขนส่ง แต่มีข้อจำกัดสำหรับรถบางประเภท เช่น รถที่ต้องตรวจสภาพ หรือรถที่มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียน จะไม่สามารถต่อภาษีผ่านช่องทางนี้ได้
ขั้นตอนการต่อภาษีผ่านเว็บไซต์ e-Service DLT
- เข้าสู่เว็บไซต์และลงทะเบียน
- กรอกข้อมูลรถยนต์และเจ้าของรถ
- อัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบข้อมูลและยอดชำระ
- ชำระเงินผ่านระบบออนไลน์
- พิมพ์ใบเสร็จและรอรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีทางไปรษณีย์
วิธีต่อภาษีรถยนต์ผ่านแอป DLT Vehicle Tax
แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เป็นช่องทางล่าสุดที่ช่วยให้การต่อภาษีรถยนต์ทำได้ง่ายขึ้น สามารถดำเนินการได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน แต่มีข้อจำกัดเช่นเดียวกับการต่อภาษีผ่านเว็บไซต์ คือไม่สามารถใช้กับรถที่ต้องตรวจสภาพหรือมีการเปลี่ยนแปลงทะเบียน
ขั้นตอนการต่อภาษีผ่านแอป DLT Vehicle Tax
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน
- ลงทะเบียนและยืนยันตัวตน
- เลือกรถยนต์ที่ต้องการต่อภาษี
- ตรวจสอบข้อมูลและยอดชำระ
- เลือกวิธีการชำระเงิน
- ชำระเงินและรับใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับวิธีต่อภาษีรถยนต์นั้น ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าของรถทุกคนต้องให้ความใส่ใจ ไม่ว่าจะเลือกช่องทางไหนในการต่อภาษี สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการให้ทันกำหนดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและปัญหาทางกฎหมาย สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์มือสองคุณภาพดี gurumalist พร้อมให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่จะช่วยให้คุณได้รถถูกใจในราคาที่เหมาะสม สำหรับใครที่สนใจซื้อรถมือสองกับทาง gurumalist สามารถแอดไลน์ @gurumalist กันได้เลย