วิธีต่อภาษีรถยนต์ ที่มือใหม่ต้องรู้

06 กันยายน 2567

วิธีต่อภาษีรถยนต์ ที่มือใหม่ต้องรู้
การเสียภาษีรถยนต์เป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าของรถทุกคนต้องดำเนินการเพื่อให้การใช้รถเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความ gurumalist จะมาแนะนำวิธีต่อภาษีรถยนต์อย่างละเอียด ตั้งแต่เอกสารที่ต้องเตรียม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงช่องทางการต่อภาษีที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการได้อย่างมั่นใจและไม่พลาดกำหนดการสำคัญ

รถยนต์ประเภทไหนบ้างที่ต้องต่อภาษี

รถยนต์ทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต้องต่อภาษีประจำปี ดังนี้

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถเก๋ง รถกระบะ 4 ประตู
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถกระบะ 2 ประตู รถตู้
  • รถจักรยานยนต์ ทั้งรถส่วนบุคคลและรถสาธารณะ
  • รถยนต์สาธารณะ รถแท็กซี่ รถตู้โดยสาร
  • รถบรรทุก รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และรถพ่วง

ต่อภาษีรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องเตรียมในการต่อภาษีรถยนต์ มีดังนี้

  • เล่มทะเบียนรถ (ตัวจริง)
  • ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (ตรอ.1) สำหรับรถอายุเกิน 7 ปี
  • หลักฐานการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
  • ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีรถยนต์ครั้งล่าสุด (ถ้ามี)

ค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีรถยนต์

การต่อภาษีรถยนต์มีค่าใช้จ่ายหลักๆ แบ่งเป็นสองส่วน คือ ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ซึ่งจำนวนเงินจะแตกต่างกันไปตามประเภทและอายุของรถ

1. ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี

ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีคำนวณจากขนาดเครื่องยนต์และอายุการใช้งานของรถ โดยทั่วไปรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งจะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าตามความจุกระบอกสูบ ส่วนรถกระบะและรถตู้จะเสียภาษีในอัตราคงที่ตามน้ำหนักรถ

2. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ

นอกจากค่าภาษีรถยนต์แล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ต้องชำระ ได้แก่

  • ค่าธรรมเนียมการต่อทะเบียน 100 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายวงกลม) 5 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถอายุเกิน 7 ปี)
    • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 100 บาท
    • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน 200 บาท
    • รถบรรทุกส่วนบุคคล: 200 บาท
  • ค่าปรับกรณีต่อภาษีล่าช้า คิดเดือนละ 1% ของค่าภาษี แต่รวมแล้วไม่เกิน 30% ของค่าภาษี

ต่อภาษีรถยนต์ได้ที่ไหน

ต่อภาษีรถยนต์ได้ที่ไหน

ปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เจ้าของรถสามารถต่อภาษีรถยนต์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทั้งวิธีต่อภาษีรถยนต์ด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่ง หรือการใช้บริการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

วิธีต่อภาษีรถยนต์ที่สำนักงานกรมขนส่งทางบก

การต่อภาษีรถยนต์ที่สำนักงานกรมขนส่งทางบกเป็นวิธีดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคย สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงหากมีข้อสงสัย แต่อาจต้องใช้เวลารอคิวนาน

ขั้นตอนการต่อภาษีที่สำนักงานกรมขนส่งทางบก

  • เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
  • รับบัตรคิวและกรอกแบบฟอร์ม
  • ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
  • ชำระค่าภาษีและค่าธรรมเนียม
  • รับใบเสร็จและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี

วิธีต่อภาษีรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ e-Service DLT

การต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-Service DLT เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปสำนักงานขนส่ง แต่มีข้อจำกัดสำหรับรถบางประเภท เช่น รถที่ต้องตรวจสภาพ หรือรถที่มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียน จะไม่สามารถต่อภาษีผ่านช่องทางนี้ได้

ขั้นตอนการต่อภาษีผ่านเว็บไซต์ e-Service DLT

  • เข้าสู่เว็บไซต์และลงทะเบียน
  • กรอกข้อมูลรถยนต์และเจ้าของรถ
  • อัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง
  • ตรวจสอบข้อมูลและยอดชำระ
  • ชำระเงินผ่านระบบออนไลน์
  • พิมพ์ใบเสร็จและรอรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีทางไปรษณีย์

วิธีต่อภาษีรถยนต์ผ่านแอป DLT Vehicle Tax

แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เป็นช่องทางล่าสุดที่ช่วยให้การต่อภาษีรถยนต์ทำได้ง่ายขึ้น สามารถดำเนินการได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน แต่มีข้อจำกัดเช่นเดียวกับการต่อภาษีผ่านเว็บไซต์ คือไม่สามารถใช้กับรถที่ต้องตรวจสภาพหรือมีการเปลี่ยนแปลงทะเบียน

ขั้นตอนการต่อภาษีผ่านแอป DLT Vehicle Tax

  • ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน
  • ลงทะเบียนและยืนยันตัวตน
  • เลือกรถยนต์ที่ต้องการต่อภาษี
  • ตรวจสอบข้อมูลและยอดชำระ
  • เลือกวิธีการชำระเงิน
  • ชำระเงินและรับใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์

สรุปวิธีต่อภาษีรถยนต์

สำหรับวิธีต่อภาษีรถยนต์นั้น ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าของรถทุกคนต้องให้ความใส่ใจ ไม่ว่าจะเลือกช่องทางไหนในการต่อภาษี สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการให้ทันกำหนดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและปัญหาทางกฎหมาย สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์มือสองคุณภาพดี gurumalist พร้อมให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพ ที่จะช่วยให้คุณได้รถถูกใจในราคาที่เหมาะสม สำหรับใครที่สนใจซื้อรถมือสองกับทาง gurumalist สามารถแอดไลน์  @gurumalist กันได้เลย