
การตรวจภาษีรถยนต์ประจำปี สำหรับคนขับรถใหม่ป้ายแดงอาจไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพราะสามารถเข้าคิวแล้วชำระภาษีได้เลย แต่สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง อาจต้องคำนึงถึงการตรวจสภาพก่อนเสียภาษี ซึ่งมือใหม่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ารถยนต์กี่ปีต้องตรวจสภาพ วันนี้ gurumalist ได้รวบรวมสาระสำคัญที่ต้องรู้สำหรับรถที่ต้องตรวจสภาพ เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมล่วงหน้าและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ติดตามทั้งหมดได้ในบทความนี้
รถยนต์กี่ปีต้องตรวจสภาพก่อนเสียภาษี
รถยนต์ที่มีอายุครบ 7 ปีเป็นต้นไป ต้องตรวจสภาพก่อนเสียภาษีประจำปี ตามระยะเวลาที่ พ.ร.บ. จราจรทางบกกำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน รวมถึงเป็นการรับรองว่ารถยนต์ยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและไม่ก่อให้เกิดมลพิษเกินมาตรฐาน
ประเภทรถที่ต้องตรวจสภาพเมื่ออายุครบ 7 ปี
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล
(สำหรับรถจักรยานยนต์จะต้องตรวจสภาพเมื่ออายุครบ 5 ปี)
วิธีการนับอายุรถยนต์ที่ต้องตรวจสภาพก่อนเสียภาษี
การนับอายุการใช้งานของรถยนต์ นับโดยอ้างอิงจากวันจดทะเบียนเป็นครั้งแรกจนถึงวันครบกำหนดเสียภาษีประจำปี ไม่ใช่อ้างอิงจากปีที่ผลิตรถยนต์ เช่น รถยนต์จดทะเบียนวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568 จะต้องเริ่มตรวจสภาพรถยนต์ครั้งแรกในปี 2575 ก่อนที่จะต่อภาษีประจำปีในรอบถัดไป
ตรวจสภาพรถยนต์ต้องไปที่ไหน
ปัจจุบันมีสถานที่ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ 2 ประเภทให้เลือกใช้บริการ โดยผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือเท่ากัน และผู้ใช้รถสามารถเลือกตามความสะดวก ดังนี้
สำนักงานขนส่งทางบกทุกแห่ง
สำนักงานขนส่งทางบกเป็นหน่วยงานราชการที่ให้บริการตรวจสภาพรถยนต์ทุกประเภท โดยมีกระบวนการและมาตรฐานการตรวจที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด แต่ข้อจำกัดคือมีเพียงแห่งเดียวในแต่ละจังหวัด อาจมีผู้ใช้บริการจำนวนมากทำให้ต้องรอคิวนาน ค่าบริการเป็นไปตามอัตราที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
สถานตรวจสภาพเอกชน (ตรอ.)
สถานตรวจสภาพเอกชน หรือที่เรียกกันว่า "ตรอ." เป็นหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกให้ดำเนินการตรวจสภาพรถแทนได้ ข้อดีคือมีจำนวนมากกว่าและกระจายอยู่ทั่วไป ทำให้สะดวกต่อการใช้บริการและประหยัดเวลารอคิว สามารถตรวจสอบรายชื่อ ตรอ. ที่ได้มาตรฐานได้จากเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก
รถที่ไม่สามารถตรวจที่ ตรอ. ได้
- รถที่ดัดแปลงสภาพต่างจากที่ได้จดทะเบียนไว้ รถยนต์ที่มีการดัดแปลงสภาพแตกต่างไปจากที่จดทะเบียนไว้ เช่น เปลี่ยนสีรถ ดัดแปลงโครงสร้าง หรือเปลี่ยนเครื่องยนต์ จะต้องนำไปตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งทางบกเท่านั้น เพราะต้องมีการตรวจสอบและบันทึกรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงข้อมูลทะเบียนรถให้เป็นปัจจุบัน
- รถที่เจ้าของได้แจ้งจอดชั่วคราว หรือแจ้งจอดถาวร สำหรับรถที่เจ้าของได้แจ้งจอดชั่วคราวหรือจอดถาวรไว้กับกรมการขนส่งทางบก เมื่อต้องการนำกลับมาใช้งานอีกครั้ง จะต้องนำไปตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งทางบกเท่านั้น เพื่อตรวจสอบว่ารถยังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและปลอดภัย ก่อนที่จะอนุญาตให้กลับมาใช้งานบนท้องถนนได้อีกครั้ง

ตรวจสภาพรถยนต์เช็กอะไรบ้าง
การตรวจสภาพรถยนต์มีจุดประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ยังอยู่ในสภาพที่ดีและปลอดภัยสำหรับการใช้งานบนท้องถนน โดยจะมีการตรวจสอบองค์ประกอบสำคัญของรถยนต์อย่างละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรรู้ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของรถใหม่หรือกำลังพิจารณาว่ารถมือสองดีไหม เพราะจะได้ทราบว่ารถในสภาพใดที่จะผ่านการตรวจ
- ตรวจสภาพภายในรถ เช่น ระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ระบบควบคุมสัญญาณไฟ ที่นั่งคนขับและผู้โดยสาร เข็มขัดนิรภัย และแตร
- ตรวจสภาพภายนอกรถ เช่น โคมไฟทุกจุด ล้อ ยาง กันชน บังโคลน กระจกมองข้าง และโครงสร้างของรถ
- ตรวจสภาพใต้ท้องรถ เช่น ระบบรองรับน้ำหนัก เพลาล้อ ระบบห้ามล้อ ระบบไอเสีย ระบบเชื้อเพลิง และระบบท่อส่งก๊าซ
หากตรวจสภาพรถยนต์ไม่ผ่านต้องทำอย่างไร
เมื่อรถยนต์ของคุณไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสภาพ ทางสถานตรวจจะระบุจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขให้ทราบอย่างชัดเจน คุณจำเป็นต้องนำรถไปซ่อมแซมตามคำแนะนำก่อนกลับมาตรวจใหม่อีกครั้ง ข้อควรรู้คือ หากคุณนำรถที่ซ่อมแล้วกลับไปตรวจที่สถานตรวจเอกชนเดิมภายใน 15 วัน คุณจะได้รับส่วนลดค่าบริการ 50% แต่ถ้าเกินกำหนดเวลาดังกล่าวหรือเปลี่ยนไปใช้บริการที่อื่น คุณจะต้องจ่ายค่าตรวจในราคาเต็มตามอัตราปกติ
อัตราค่าตรวจสภาพรถยนต์
การตรวจสภาพรถยนต์มีค่าใช้จ่ายที่กำหนดโดยกรมการขนส่งทางบก ซึ่งแตกต่างกันตามประเภทและขนาดของรถยนต์ โดยค่าบริการนี้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งที่สำนักงานขนส่งทางบกและสถานตรวจสภาพเอกชน (ตรอ.) เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความเป็นธรรมและมีมาตรฐานการให้บริการที่เท่าเทียมกัน
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท
ตรวจสภาพรถยนต์ต้องตรวจล่วงหน้ากี่เดือน
สำหรับการตรวจสภาพรถยนต์ สามารถตรวจสภาพล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือนก่อนถึงวันครบกำหนดที่จะต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ช่วยให้เจ้าของรถสามารถวางแผนและจัดการเวลาได้อย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องรอให้ใกล้วันครบกำหนดเสียภาษีมากเกินไป และมีเวลาเพียงพอในการแก้ไขปัญหาหากรถไม่ผ่านการตรวจสภาพในครั้งแรก

สรุปบทความ
รถยนต์กี่ปีต้องตรวจสภาพ คำตอบคือเมื่อมีอายุครบ 7 ปีนับจากวันจดทะเบียนครั้งแรก โดยสามารถเลือกตรวจได้ทั้งที่สำนักงานขนส่งทางบกหรือสถานตรวจสภาพเอกชน ยกเว้นรถที่มีการดัดแปลงหรือแจ้งจอด การตรวจสภาพล่วงหน้าสามารถทำได้ไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันครบกำหนดเสียภาษี
หากคุณกำลังมองหารถมือสองคุณภาพดี ออปชันโดนใจ gurumalist ผู้ให้บริการซื้อขายรถมือสองที่ไว้ใจได้ พร้อมให้คำปรึกษาและบริการที่ดีที่สุด เข้ามาเลือกชมรถที่ถูกใจผ่านเว็บไซต์ หรือแอดไลน์ @gurumalist เพื่อรับข้อเสนอพิเศษและคำแนะนำดีๆ ได้เลย